สมรสเท่าเทียมในประเทศไทย: มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2568
สิทธิประโยชน์ที่คู่สมรสเพศเดียวกันจะได้รับ
เมื่อกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลบังคับใช้ คู่รักเพศเดียวกันจะได้รับสิทธิและสวัสดิการเช่นเดียวกับคู่สมรสชาย-หญิง ดังนี้:
สิทธิในการจดทะเบียนสมรส: บุคคลไม่ว่าจะมีเพศสภาพหรืออัตลักษณ์ทางเพศอย่างไร เมื่อจดทะเบียนสมรสกันก็ถือเป็น "คู่สมรสที่ชอบด้วยกฎหมาย"
สิทธิในทรัพย์สินและมรดก: คู่สมรสจะได้รับสิทธิในการจัดการทรัพย์สินร่วมกัน และมีสิทธิรับมรดกหากอีกฝ่ายเสียชีวิต
สิทธิในการรับบุตรบุญธรรม: คู่สมรสสามารถรับบุตรบุญธรรมร่วมกันได้ และให้บุตรบุญธรรมใช้นามสกุลของคู่สมรสได้ โดยจะต้องมีอายุแก่กว่าบุตรบุญธรรมอย่างน้อย 15 ปี
สิทธิในการตัดสินใจด้านการรักษาพยาบาล: คู่สมรสมีสิทธิในการเซ็นยินยอมให้รักษาพยาบาลอีกฝ่าย
สวัสดิการจากรัฐ: คู่สมรสจะได้รับสิทธิประโยชน์และสวัสดิการจากรัฐ เช่น สิทธิรับประโยชน์ทดแทนจากประกันสังคม และสิทธิเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาล
ขั้นตอนการจดทะเบียนสมรส
ตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2568 เป็นต้นไป คู่รักเพศเดียวกันสามารถจดทะเบียนสมรสได้ที่สำนักงานเขตหรืออำเภอทั่วประเทศ รวมถึงสถานทูตไทยในต่างประเทศ
ความสำคัญของกฎหมายสมรสเท่าเทียม
การผ่านกฎหมายสมรสเท่าเทียมในประเทศไทยเป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริมความเท่าเทียมและยอมรับความหลากหลายทางเพศในสังคม นอกจากจะเป็นการรับรองสิทธิขั้นพื้นฐานของคู่รักเพศเดียวกันแล้ว ยังเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศในสายตาชาวโลก
สรุป
กฎหมายสมรสเท่าเทียมในประเทศไทยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2568 ซึ่งจะเปิดโอกาสให้คู่รักเพศเดียวกันสามารถจดทะเบียนสมรสและได้รับสิทธิทางกฎหมายเช่นเดียวกับคู่สมรสชาย-หญิง นับเป็นก้าวสำคัญในการสร้างสังคมที่เท่าเทียมและยอมรับความหลากหลายทางเพศอย่างแท้จริง